top of page

10 อันดับ Top Ten Synthsizer ในตำนานแห่งวงการเพลงแนว “Synth-Pop”

10 อันดับ Top Ten Synthsizer ในตำนานแห่งวงการเพลงแนว “Synth-Pop”

สวัสดีทุกคนครับ วันนี้ผมจะพาทุกท่านย้อนเวลากลับไปรู้จัก อุปกรณ์ซินธิไซเซอร์ ที่เขย่าวงการดนตรีอีเลคทรอนิคในอดีตช่วงยุค 80's และกลับมาอีกครั้งในแนวซินป็อป ที่กำลังได้รับความนิยมในหมู่นักดนตรีสมัยใหม่อย่างกว้างขว้างทั่วโลก แม้กระทั้งไม่เว้นแต่ในประเทศไทย อย่างวง Poly Cat ที่ปล่อยซิงเกิ้ล สุดเท่และไพเราะออกมาให้เราฟัง พร้อมความรู้สึกชวนคิดถึงวันวานสมัยยังอยู่ในวัยเด็ก แต่ไม่อยากเชื่อว่ามันจะกลับมาสร้างความไพเราะให้หวนนึกถึงวันเก่าๆอีกครั้ง แต่ก่อนที่จะพาดราม่าไปมากกว่านี้ ผมจะพาทุกคนไปรู้จักกับ 10 สุดยอดซินธิไซเซอร์ในตำนาน ที่เรียกได่ว่าเสียงของมันขึ้นแท่นความคลาสสิคสุดๆ คือหยิบมาเล่นเมื่อไหร ก็ยังเท่เหมือนเดิม ต่อให้อีกกี่สิบหรืออีกร้อยปีข้างหน้าก็ตาม ไปชมกันเลยครับ

ARP Odyssey

เริ่มกันเลยครับกับตัวแรก ที่ออกมาจะมีความคล้ายคลึงและเหมือนกับเจ้า Prophet 5 โดยเจ้าตัว Odyssey นั้นมีการปรับปรุงกันมาถึง 3รุ่น ด้วยกัน โดยในแต่ละรุ่นนั้นฟังชั้นต่างกันแค่นิดหน่อยเท่านั้น โดยตัวมันจะมาพร้อม Oscillator 2ตัวครับ แต่ที่ทำให้มันฮิตมากๆในเวลานั้น เพราะมันมีหน้าตาที่ละมายคล้ายเจ้ารุ่นพี่ใหญ่จากค่ายเดียวกันอย่าง ARP2600 แต่อาจจะปุ่มปรับฟังชั้นต่างๆน้อยกว่าและราคาที่ถูกกว่า จึงทำให้กลายเป็นซินธิไซเซอร์ ยอดนิยมอีกตัวที่คนนำไปใช้กันอย่างกว้างขว้าง

สนนราคาปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ: 72,000 - 102,000 บาท

ศิลปินยุค 80 ที่ใช้ อธิเช่น Ultravox, Gary Numan, Tangerine Dream, John Foxx, Vangelis

ARP 2600

โปรดิวเซอร์ชื่อดังทั่วโลก การันตีความเทพของเจ้าอนาลอคซินตัวนี้ว่าเป็นสุดยอดซินธิไซเซอร์ที่ต้องมีไว้ในครอบครองเท่านั้น โดยที่ ARP 2600 เป็น Semi-modular ที่มีความซับซ้อนในการใช้งานอยู่บ้าง แต่ถ้าได้รู้ว่าใครใช้เจ้าตัวนี้บ้าง ผมเชื่อว่าคุณจะไม่มีข้อกังขาในการใช้งานแน่นอน โดยกลุ่มคนที่หยิบเจ้าตัวนี้มาใช้งานนั้น ไม่ได้กำจัดอยู่ที่แนว Synth-Pop เพียงอย่างเดียว แต่มีทั้งศิลปินระดับผู้บุกเบิกวงการ Synth Music ทั้งนั้น อีกด้วย ในส่วนตัวเครื่องนั้นมีความเป็นมาตรฐานที่สูงมาก และในส่วนของซาวย์นั้นแทบไม่ต้องพูดอะไรกันมากการันตีความหนาและอิ่มอย่างสุดๆ

สนนราคาปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ: คุณต้องขำแน่นอนเมื่อได้ยินราคา เพราะความหายากมันเหมือนหาม้ายูนิคอนดีๆนี้เอง แต่ถ้าใครหาได้ ราคาน่าจะอยู่ที่ 400,000บาท ขึ้นไป

ศิลปินยุค 80 ที่ใช้ อธิเช่น Brian Eno, David Bowie, Depeche Mode, Jean Michel Jarre, Kraftwerk, Ultravox, Vince Clarke

Roland Juno 106

สุดยอดความคลาสสิคในแบบ Digital กับเจ้าตัวนี้ ที่มาพร้อม Function Midiและ Patch Memory รวมทั้ง สามารถเล่นเสียงแบบ PolyPhony Sound โดยเล่นโน้ตได้พร้อม 6 เสียง พร้อมปุ่มปรับเสียงแบบ Slider Fader ทำให้เราสามารถปรับเสียงอนาล็อคในแบบดิจิตอลสไตล์ นอกเหนือจากนั้น ซาวย์นั้นไม่ได้เพียงแต่เหมาะสำหรับทำแนว Synth-Pop 80 เท่านั้นยังครอบคลุมไปถึงแนว Electronic ยุค90's ได้อีกด้วย

สนนราคาปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ: 20,000 บาท (สภาพดี)

ศิลปินยุค 80 ที่ใช้ อธิเช่น The Blue Nile, Covenant, Pet Shop Boys, a-ha, Depeche Mode, Vangelis, Erasure

Yamaha CS80

เจ้าตัวนี้มาพร้อมเสียงที่หนามากและสามารถควบคุมการปรับแต่งซาวย์ได้ง่าย แต่ข้อเสียคือมีขนาดที่ใหญ่มาก ในส่วนของคีย์ยังมาพร้อมกับระบบ After Touch และ Splitthing และระบบเสียงแบบ Polyphony Sound 8 Voice อีกต่างหาก โดยรวมถึงแม้จะใหญ่ไป แต่ถ้าเทียบกับเสียงซินที่หนามาก ก็เกินคุ้มครับ

สนนราคาปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ: 150,000 ถึง 300,000 บาท ถ้าหาได้นะ

ศิลปินยุค 80 ที่ใช้ อธิเช่น David Bowie, Kate Bush, Brian Eno, John Foxx, Peter Gabriel, Michael Jackson, Jean Michel Jarre, Kraftwerk, Gary Numan, Klaus Schulze, Ultravox, Vangelis, Yellow Magic Orchestra

Korg MS-20

เจ้าตัวนี้ออกมาในช่วงปี 1978 มาด้วยขนาที่ขนง่าย และยังมีระบบ Patch Cable ให้เชื่อมต่ออีกด้วย เจ้าตัวนี้มาพร้อม Oscillator 2ตัว และเล่นโมโนซาวย์ เหมาะสำหรับเสียง Lead และเสียง Bass โดยให้เสียงที่มีความคล้ายคลึงกับ Mini Moog มาก ปัจจุบันออกเป็นรุ่นใหม่แต่หน้าตาเหมือนกันแล้วนะครับ แต่ไซส์ถูกย่อส่วนลงมาเหลือ 86% หาซื้อมาลองเล่นกันได้เลย

สนนราคาปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ: รุ่น Original ประมาณ40,000 บาท พอๆกับรุ่นใหม่

ศิลปินยุค 80 ที่ใช้ อธิเช่น Vince Clarke, Depeche Mode, Covenant, Erasure, A Flock Of Seagulls, OMD, Alphaville

Mini Moog

เจ้าตัวนี้บอกเลยว่าเป็นรุ่นที่ฮิตที่สุดจากทุกตัว ใครที่ทำแนว Synth-Pop ต้องมีเจ้าเสียงตัวนี้ตัวอย่างขาดเสียไม่ได้ หรือจะเรียกได้ว่าแนว Synth-Pop กำเนิดมาจากเจ้าตัวนี้เลยก็ว่าได้ กับเสียงในแบบ Moog ที่ไม่ต้องพูดอะไรกันมาก ที่สำคัญมันคือ Analog Synth ตัวแรกของโลกที่ผลิตออกมาเพื่อให้คนทั่วไปสามารถซื้อมาใช้เล่นกันได้ (คือก่อนนี้มีแต่ตัวใหญ่ๆยังไม่สามารถนำมาใช้ได้จริง) หรือจะเรียกว่าตัวนี้เป็นจุดเริ่มต้นของดนตรี Electronic เลยก็ว่าได้

สนนราคาปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ: ประมาณ 200,000 บาท ลองไปหาดูที่ญี่ปุ่นน่าจะพอหาได้

ศิลปินยุค 80 ที่ใช้ อธิเช่น Kraftwerk, Gary Numan, Hot Butter (for the ‘seminal’ track Popcorn)

Sequential Circuits Prophet-5

ซินที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดของซินธิไซเซอร์ยุค 80 เจ้าตัวนี้มาพร้อมระบบเสียงแบบ Polyphony 5 Voice และสามารถ Memory เสียงได้ และเป็นหนึ่งในซินธิไซเซอร์ที่ทุกคนต้องมีไว้ในครอบครอง โดยออกมาด้วยกัน 3รุ่น โดยเริ่มตั้งแต่ปี 1978-1984 ถ้าใครจะเล่น แนะนำให้ซื้อรุ่น2 นะครับ เนื่องจากมีซาวย์ที่ดีมากและระบบๆอื่นถือว่าเยี่ยมเลย แต่ตังในกระเป๋าต้องสู้หน่อยนะเพราะราคาเอาเรื่องอยู่

สนนราคาปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ: ประมาณ 130,000 บาท

ศิลปินยุค 80 ที่ใช้ อธิเช่น Jean Michel Jarre, Gary Numan, OMD, Giorgio Moroder, Japan, Duran Duran, Eurythmics, Thomas Dolby, Kraftwerk, Men Without Hats, Tears For Fears, Pet Shop Boys, Thomson Twins, Devo, Soft Cell, Spandau Ballet, Tangerine Dream, Vince Clarke, Yellow Magic Orchestra

Oberheim OB-X

เจ้าตัวนี้เสียงจะพอฟัดพอเหวียงกับเจ้า Phophet5 โดยสามารถเลือกว่าจะเล่น 4Voice, 6Voice และ 8Voice โดยผลิตออกมาจำหน่ายในปี 1979 แต่ผลิตได้ 2ปีเท่านั้น ก็เลิกผลิตไป โดย ผลิตออกมาได้เพียง 800 เครื่องทั่วโลกเท่านั้น ทำให้กลายเป็นของหายากในทันที

สนนราคาปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ: ประมาณ 120,000 บาท ในกรณีเผื่อซ่อมด้วย

ศิลปินยุค 80 ที่ใช้ อธิเช่น John Foxx, Japan, Jean Michel Jarre, Nena, OMD, Ultravox, Tangerine Dream

Roland Jupiter-8

หนึ่งในสุดยอดซินธิไซเซอร์ที่ดีที่สุดตลอดกาล มาพร้อมกับซาวย์ที่ฟังแล้วดูดีสุดๆ มาพร้อมระบบเสียงแบบ Polyphony 8 Voice พร้อมทั้งระบบแบ่ง Layer เสียงได้อีกด้วย แถมเราสามารถปรับแต่งแก็ไขเสียงต่างๆได้อย่างง่ายดายอีกด้วย สำหรับในตระกูล Roland ก็จะมีเจ้าตัว กับเจ้า Juno106 นี่แหละที่ Classic ที่สุดของ Roland

สนนราคาปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ: ประมาณ 340,000 บาท ในกรณีเผื่อซ่อมด้วย

ศิลปินยุค 80 ที่ใช้ อธิเช่น Blancmange, Heaven 17, Jean Michel Jarre, Howard Jones, China Crisis, OMD, Giorgio Moroder, Human League, Duran Duran, The Blue Nile, Thomas Dolby, a-ha, Talk Talk, Tears For Fears, Simple Minds, Toyah, Devo, Flock Of Seagulls

Roland JX-8P

อนาล็อคซินแบบ Polyphony ที่มีความเป็นดิจิจตอลที่สุด และเป็นจุดเริ่มต้นของระบบดิจิตอลในซินธิไซเซอร์ ในส่วนของโปรแกรมรวมซาวย์ที่หน้าเล่นของ Rolandไว้มากมาย แต่ด้วยความไม่เสถียรของระบบดิจิตอล ทำให้ในส่วนโปรแกรมเสียง่ายมาก ใครจะซื้อต้องมีความรู้นิดนึงนะครับ

สนนราคาปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ: ประมาณ 12,000 บาท

ศิลปินยุค 80 ที่ใช้ อธิเช่น Alphaville, Blancmange, Bronski Beat, Covenant, The Cure, Jean Michel Jarre, Trevor Horn, Gary Numan, The Human League, OMD, Kate Bush, Vangelis

Fairlight CMI

เป็นอุปกรณ์ Sample Machine ตัวแรกในยุค 80ต้นๆ คือถ้าใครอยากจะลอง Sampling เสียงก็ต้องเจ้าตัวนี้แหละ โดยจะมาพร้อมระบบเสียงที่เล่นโน้ตได้พร้อมกัน16 voices และมี เมมโมรี่14MB และระบบเสียงแบบ 16-bit จริงๆถ้าใครอยากลองเล่น ลองโหลดเป็นแอพมาเล่นก็ได้นะราคา 1,120 บาท ดีกว่าซื้อมาเล่นเยอะ แถมเหมือนกันอย่างกับแกะ

สนนราคาปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ: ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีถ้าคุณมองหาเครื่อง Sampling เสียง

ศิลปินยุค 80 ที่ใช้ อธิเช่น a-ha, ABC, Art of Noise, Brian Eno, Cabaret Voltaire, Depeche Mode, Devo, Duran Duran, Eurythmics, Hans Zimmer, Heaven 17, Howard Jones, Human League, Japan, Jean Michel Jarre, John Foxx, New Musik, New Order, OMD, Peter Gabriel, Pet Shop Boys, Sparks, Tears for Fears, Blue Nile, Thomas Dolby, Thompson Twins, Vince Clarke, Yazoo, Yello

E-mu Emulator

ลองกลับไปฟังงานของวง Depeche Mode เพลงฮิตสุดๆช่วงยุค 80 ช่วงกลางๆ คุณจะได้พบว่าเสียงมากมายเกิดจากเจ้าตัวนี้แหละที่ทำออกมา โดยออกมาสามรุ่นด้วยกัน แต่ตอนหลังก็เงียบไปเพราะเจอ Akai ออกเครื่อง Sampling แบบ Rack มาขาย หน้าจะพอผ่านตากันมาบ้างนะ เลยทำให้เจ้าตัวนี้หยุดพัฒนาไปครับ

สนนราคาปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ: 74,000 บาท

ศิลปินยุค 80 ที่ใช้ อธิเช่น ABC, China Crisis, Depeche Mode, New Order, Tears for Fears, David Bowie, Vangelis, Tangerine Dream, Human League, Jarre, Kraftwerk, John Foxx, OMD, Ultravox, Simple Minds, Thomson Twins, Paul Young, Pet Shop Boys and, of course, Paul Hardcastle

และทั้งหมดนี้คือ Synthesizer สำหรับใครที่ต้องการจะทำแนว Synth-Pop ไม่ควรพลาด แต่ดูจากราคาแล้วน่าจะหนักเอาการอยู่ แต่ยังไงยังพอจะหาปลั๊กอินจำลองของเจ้าตัวพวกนี้มาเล่นกันได้ไม่ยาก ถือว่าเป็นไกด์ไลน์สำหรับที่เตรียมตัวพร้อมที่จะทำแนวนี้ครับ ไว้จะรอฟังผลงานจากเพื่อนๆทุกคนนะครับ วันนี้ลาไปก่อนพบกันไหมคราวหน้า จะเอาเรื่องดีๆมาฝากกันอีกนะครับ

10/07/2558

อาจารย์นับ อินเอียร์บีท

Featured Posts
Recent Posts
Archive
Search By Tags
Follow Us
  • Facebook Basic Square
  • Twitter Basic Square
  • Google+ Basic Square
bottom of page