top of page

วิธีการเลือกซื้ออุปกรณ์ DJ Controller (อ่านก่อนซื้อนะครับ)

วิธีการเลือกซื้ออุปกรณ์ DJ Controller (อ่านก่อนซื้อนะครับ) ตอน1
traktor-kontrol-s8-main2-640x426.jpg

ในปัจจุบันอุปกรณ์ดีเจคอนโทรเลอร์ มาถึงจุดที่เรียกแทบว่าจะถึงที่สุดแล้ว แต่เราอาจเห็นได้ว่ามีให้เลือกหลายยี่ห้อมากมายไม่ซ้ำหน้า แต่ว่าแต่ตัวไหนมันถึงจะดีที่สุดและเข้ากับเรามากที่สุดละ ที่สำคัญทุกตัวมีฟังชั้นเหมือนกันหมดหรือปล่าว หรือมีอะไรที่แตกต่างกันบ้างไหม นอกจากดีไซน์ที่มากระชากใจผู้ซื้อและผู้ใช้อย่างเรา เราไปดูกันก่อนครับว่านะปัจจุบัน อุปกรณ์ดีเจคอนโทรเลอร์ มีองค์ประกอบพื้นฐานอะไรบ้าง ถ้าตัวไหนไม่มีตามนี้เราอาจจะตัดออกจากตัวเลือกของเราได้ง่ายขึ้น เพราะปัจจุบันพวกเราอาจถูกหลอกได้ง่ายเพราะการตลาดนะครับ

องค์ประกอบพื้นฐานอุปกรณ์ DJ Controller

1) Controller

เป็นอุปกรณ์พื้นฐานทำหน้าที่ส่งสัญญาณมิดีไปควบคุมซอฟแวร์ดีเจที่เราใช้เล่น โดยมีองค์ประกอบปุ่มพื้นฐานรองรับการการเล่นให้เข้ากับบนหน้าซอฟแวร์ต่างๆประกอบด้วย

- ปุ่มหมุน

- ปุ่มสไลด์

- ปุ่มกดแบบCC(กดติดปล่อยดับ)

- ปุ่มกดแบบNote(กดสลับเปิดและปิด)

- จ็อคหมุน (อาจจะมีหรืออาจจะไม่มี อันนี้ขึ้นอยู่กับการใช้งานผู้เล่น ขึ้นอยู่กับว่าจะเอา

ไปควบคุมซอฟแวร์อะไร)

- Crossfader (ใช้สำหรับเปลี่ยน Deck ว่าจะเล่นเพลงฝั่งซ้ายไปขวา เหมาะสำหรับผู้ที่เล่นสแคลส)

- Drum Pad มีลักษณะเป็นแป้นยางนุ่มๆ (บางรุ่นมีน้ำหนักเวลากดด้วย เราเรียกว่าปุ่มที่มี Velocity)

- MIDI IN - MIDI OUT ใช้ส่งสัญญาณและรับสัญญาณ MIDI CLOCKจากเครื่องอื่นๆเพื่อให้สามารถ เล่นBPM เดียวกันได้

VCI400_Top_Final.jpg

# หมายเหตุ - องค์ประกอบในส่วนคอนโทรเลอร์อาจจะมีครบหรือไม่ครบ ขึ้นอยู่กับว่าผลิตมาเพื่อควบคุมซอฟแวร์ตัว ไหน การวางปุ่มจะดีไซน์ให้เข้ากับซอฟแวร์ที่ผลิตมาให้เล่นด้วยกัน แต่สามารถเล่นกับซอฟแวร์ดีเจอื่นได้ แต่อาจจะไม่ถนัดบ้างเวลาเริ่มเล่น เพราะฉะนั้นอย่างแรกต้องรู้ก่อนว่าเราจะเล่นดีเจกับซอฟแวร์ตัวไหน

อันนี้ สำคัญที่สุด เช่น Ableton ,Traktor ,Serato และอื่นๆ

2) Sound Card

เป็นอุปกรณ์ประมวลผลเสียงแทนคอมพิวเตอร์ เสียงที่ออกไปจะดีไม่ดีขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ตัวนี้ โดยมี จุดสังเกตุในการซื้อคือค่า Sample Rate ที่ให้มา ยิ่งมากยิ่งดี และที่สำคัญคือ Line IN และ LineOUT โดยองค์ประกอบหลักๆของซาวย์การ์ดมีดังนี้

- Sample Rate “ตัวปรับค่าความละเอียดของเสียง” โดยทั่วไปจะอยู่ที่ 44,100 Hz - 48,000 Hz แต่ปัจจุบันมีให้ถึง 96,000 Hz (กรณีซาวย์การ์ดในดีเจคอนโทรเลอร์) ยิ่งมากไว้ก่อนยิ่งดี คุ้มเงินและ สามารถเล่นเพลงที่มีไฟล์รายละเอียดสูงได้

- Line IN ใช้สำหรับเชื่อมต่อกับ Turntable และ CDJ เพื่อเล่นระบบ ไทม์โค้ดTime Code ให้คุณสามารถควบคุมตัวเลื่อนเพลง และความช้าเร็วของเพลง จาก Turntable และCDJ ได้เลย

- Line OUT ใช้สำหรับเชื่อมต่อหูฟัง และต่อกับลำโพงข้างนอก ในบ้างครั้งจะมีตัวสวิตเพื่อให้สามารถ ส่งสัญญาณ จากซอฟแวร์ออกไปเพื่อใช้อุปกรณ์ Analog Mixer ควบคุมผ่านEQ และ ความดังผ่านระบบ Analogได้เลย

tBFz9J1xc2y.jpg

# หมายเหตุ - Line IN อาจะมีหรือไม่มีก็ได้ ขึ้นอยู่กับว่าจะเชื่อมต่อกับอุปกรณ์นอกหรือปล่าว

3) Analog Mixer Onboard

อันนี้คือการใส่ Analog Mixer แท้ๆมาในคอนโทรเลอร์เลย โดยจะประกอบไปด้วยEQ และ Filter รวมไปถึง Ampplifer เพื่อขับเสียงออกจากซาวย์การ์ดได้อย่างเต็มที่ นั้นหมายความว่าคุณสามารถส่งสัญญาณเสียงจาก ซอฟแวร์ผ่านซาวย์การ์ด แล้ววิ่ง เข้ามาที่ Mixer เพื่อใช้ EQ, Gain, Crossfader และFader Volumeจริง ที่ไม่ใช่ การจำลอง เสียงผ่านหน้าซอฟแวร์เลย และยังสามารถเปิดเพลงจากอุปกรณือื่นๆที่เรา นำมาเสียบกับ เครื่องโดยที่ไม่ ต้องใช้คอมพิวเตอร์เลยก็ได้ แต่ที่กล่าวมานั้นขึ้นอยู่กับ การเชื่อมต่อของ ระบบบนตัวเครื่อง ลองเช็คจาก ไดอะแกรมที่ แถมมากับคู่มือ ซึ่งปัจจุบันเราสามารถหา โหลดมาอ่านจากหน้าเว็ปของสินค้าได้ฟรี (แนะนำให้อ่านก่อนซื้อนะครับ)

pioneer-ddj-sz-top-angle_960x540.png

ทั้งหมดนี้ที่กล่าวเป็นฟังชั้นพื้นฐานของ ดีเจคอนโทรเลอร์ ณปัจจุบันนะครับ องค์ประกอบจะครบไม่ครบขึ้นอยู่กับราคาครับ แต่ปัจจุบันเทคโนโลยีต่างๆนั้นถูกลงเพราะฉะนั้น ลองหาข้อมูลโดยอาจจะสอบถามจากผู้ขายหรือในเซ็ปไซด์ของสินค้าก็ได้ครับ

วันนี้ฝากไว้เท่านี้ครับ ในคราวหน้าจะเอาข้อมูลพวกฟังชั้นพิเศษต่างๆและอุปกรณ์ดีเจคอนโทรเลอร์ที่เป็นแบบพกพา มาให้ฝากกันอีกครับ เพื่อช่วยตัดสินใจในการซื้อเพิ่มเติมครับ

By นับอินเอียร์บีท

22/12/2014

แท็ก:

Featured Posts
Recent Posts
Archive
Search By Tags
Follow Us
  • Facebook Basic Square
  • Twitter Basic Square
  • Google+ Basic Square
bottom of page