Pioneer DJ TORAIZ SP-16 + Review
PIONEER กับก้าวแรกที่ไม่ธรรมดาในวงการอุปกรณ์ดนตรี
เป็นเรื่องน่าประหลาดใจที่สุดในรอบปี เมื่อเจ้าพ่อวงการอุปกรณ์ดีเจระดับโลกกระโดดมาเข้าสู่วงการอุปกรณ์ดนตรี ในรูปแบบของอุปกรณ์ Work Station ที่สามารถสร้างงานดนตรีได้จบภายในเครื่องเดียว กับในยุคที่หลายเจ้าพยายามจะผลิตอุปกรณ์ดนตรี และอุปกรณ์ทำเพลงอีเลคทรอนิคส์ไปในทาง Software + Controller แต่ PIONEER เลือกที่จะไม่ทิ้งตัวตน ขอก้าวแบบแข็งแรงด้วยอุปกรณ์แบบ ANALOG ที่ตนเองถนัด โดยสามารถทำงานแบบไม่แคร์คอมพิวเตอร์ นั้นหมายความว่าเจ้าเครื่องนี้สามารถทำเพลงโดยไม่ต้องมีอุปกรณ์ใดๆมาเชื่อมต่อเลยซักนิดเดียว
ที่สำคัญยังจับมือพัฒนากับ DAVE SMITH สุดยอดเจ้าผู้ผลิต ANALOG SYNTHSIZER รุ่นใหญ่ ซึ่งผลิต SYNTHESIZER ระดับ EXCLUSIVE ทั้งนั้น โดยยังเคยมีโปรดักส์ที่เป็นเครื่อง Drum Machine อย่างเจ้า “TEMPEST” อีกด้วย เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา งั้นเรามารู้จักเจ้าเครื่องนี้กันครับ
DAVE SMITH TEMPEST
PIONEER TORAIZ SP-16
ตัวย่อ SP ทำให้เราเดาได้ไม่ยากว่าเจ้าตัวนี้คือ อุปกรณ์ SAMPLER MACHINE ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่เหล่าดีเจในอดีตต่างไว้ใช้ทำเพลงกันมากมาย งั้นเรามาเข้าใจอุปกรณ์ประเภทนี้กันซักนิดครับ
SAMPLER MACHINE แซมเพลอร แมชชีน คืออุปกรณ์ที่ไม่มีเสียงในตัวเอง แต่สามารถบันทึกเสียง หรือเราเรียกกันว่าการ “แซมปลิง” เข้าไปในเครื่องและนำเสียงนั้นมาตัด เอาเฉพาะช่วงเสียงที่เราชอบมาใช้ หรือในกรณีแซมเสียงที่เป็นแบบ ONE-SHOTหรือเสียงเดียว เล่นแบบสั้นๆ นำมาวางบนแทรค แล้วสามารถวางเป็นท่อนเพลงหรือ PATTERN ได้เลย โดยมีระบบ SEQUENCER มาควบคุม BAR, BEAT, START, STOP, BPM ความเร็วของเพลง คำถามคือเมื่อทำเป็นท่อนๆ แล้วจะเอามารวมเป็นเพลงได้อย่างไร ก็ทำโดย นำแต่ละ PATTERN ที่เปรียบเสมือนท่อนเพลงต่างๆ มาวางรวมกัน โดยจะถูกจำกัดความยาวด้วยระบบ เมมโมรี่บนตัวเครื่อง หรือจำกัดว่าสามารถวาง PATTERN เรียงกันได้กี่ PATTERN
มาถึงตรงนี้งง กันไหมครับ? ถ้าให้พูดกันง่ายๆคือ แซมเพลอร แมชชีน คืออุปกรณ์ที่มีระบบ Sequencer ที่สามารถควบคุมท่อนเพลงให้เล่นตามที่ตั้งใจ และให้ทุกเสียงเข้าใจตรงกันว่าต้องเล่นที่ความเร็วเท่าไหร และเล่นเมื่อไหร่ โดยที่ตัวมันเองไม่มีเสียงในตัวเอง แต่สามารถโหลด หรือแซมเสียงจากอุปกรณ์อะไรก็ได้ โดยใช้การบันทึกเข้าทาง INPUT ของเครื่อง หรืออาจจะใช้การโยนไฟล์เข้าไปที่เมมโมรี่เครื่อง
องค์ประกอบต่างๆของ PIONEER TORAIZ SP-16
1. Project เพื่อเปิดFile ใหม่ เพื่อเริ่มต้นการสร้างเพลง 1 เพลง หมายความว่าถ้าจะทำเพลงใหม่
ก็ต้องเปิด Project ใหม่ครับ โดยแต่ละ Project จะมีข้อจำกัดในการทำเพลงด้านในตามนี้ครับ
- มี 16 Scene หรือให้เข้าใจง่ายๆว่า ท่อนเพลง สามารถสร้างท่อนเพลงได้ 16 ท่อน โดยภายในจะมีระบบ
TRACK 16 TRACK หรือใส่เสียงได้ 16 เสียง ต่อ1 PATTERN โดยมี PATTERN มาให้ 16 PATTERN
- มี 1 ARRANGEMENT หรือ สามารถสร้างเพลงได้ 1เพลง ต่อ1 Project
- มี MIXER STATE หรืออุปกรณ์ มิกเซอร์ ให้สามารถควบคุมเสียงต่างๆ แยกกันได้อย่างเต็มที่
- มีระบบ Setting อุปกรณ์ต่างๆบนตัวเครื่องได้อย่างเต็มที่ เช่น น้ำหนักของตัว PAD เป็นต้น
- การทำงานเป็นระบบ Multipal คือสามารถเพิ่มเติมหรือทำเพลงไปได้เรื่อยๆ จนเต็มความจุของตัวเครื่อง
2. ระบบจัดการ SAMPLE โดยในตัวเครื่องจะแถมซาวด์จาก LOOPS MASTER ให้เราสามารถเริ่มต้นทำเพลงได้เลยครับ โดยเรายังสามารถเพิ่มเข้าไปได้อีกด้วย เช่นถ้ามีซาวด์จากคอมที่คุณอยากใช้ ก็สามารถใส่เพิ่มได้เลย หรือจะทำการบันทึกเข้าไปผ่านระบบ INPUT ของเครื่องได้โดยตรงก็ได้ครับ ที่สำคัญเรายังสามารถ LOOP เสียง หรือในกรณีแซมที่โหลดมามีลักษณะเป็นเพลงหรือมีลักษณะเป็นแพทเทิน ก็จะสามารถ Slice เสียงให้เล่นเฉพาะเสียงที่เราต้องการได้
3. ระบบ PAD TRIGGER ให้เราสามารถควบคุมความหนักเบาของตัวโน้ตได้หรือ Velocity นั้นเองครับ และยังสามารถเลือกได้ว่าเวลาเล่นอยากให้ PAD เล่นเป็นแบบ ONE-SHOT กดแล้วเสียงจะเล่นจนจบรอบเดียว หรือแบบ GATE กด PAD แล้วเสียงออก ปล่อยนิ้วจาก PAD แล้วเสียงหยุดนั้นเอง และยังสามารถเลือกให้เล่นเป็น LOOP ได้นะครับ โดยที่ตัว PAD เอง ยังมีฟังชั่น ควบคุมด้านล่าง PAD ด้วย โดยมี 4 คำสั่งคือ
PAD MODE
- ปุ่ม TRACK
สำหรับ SELECT เสียงที่เราต้องการปรับแต่งค่าต่างๆ โดยเราจะสามารถปรับแต่งค่า VOLUME, PAN, PITCH, TIME STRETCH (ให้เสียงเพิ่มลดความเร็วให้ตรงกับ BPM ของโปรเจค), LOOP ON-OFF
- ปุ่ม MUTE
สำหรับเลือก MUTE เสียงของแพดที่ไม่ต้องการให้เสียงออก และยังเลือกเป็น SOLO ก็ได้ด้วยครับ โดยกด SHIFT แล้วกดไปที่ PAD ที่ต้องการจะ SOLO เพื่อให้เล่นเฉพาะ TRACK เสียงที่เลือกเท่านั้น
- ปุ่ม SLICE
จะทำการ SLICEเสียงของแพทเทินที่เราโหลดมาลงมาใน PAD ทั้ง 16PAD โดยSELECT เสียงที่ต้องการจะ SLICE ที่หน้าจอทัชสกรีน ได้เลยครับ
- ปุ่ม SCALE
ให้เราสามารถเล่นเสียงในแต่ละ TRACK เป็นโน้ตได้ โดยมันจะทำการแตกและเพิ่มโน้ตของเสียงที่เรา SELECT ไว้ได้เลย เช่นเรา แซมเสียง BASS แบบ ONE-SHOT มา แล้วเราต้องการให้เล่นได้หลายโน้ตก็กดเจ้า ปุ่มนี้เลยครับ ใครไม่ถนัดก็หา KEYBOARD CONTROLLER มาแจมเพิ่มได้ โดยเสียบสายจากช่อง MIDI OUT มาเสียบช่อง MIDI IN ของ PIONEER TORAIZ SP-16 ครับ
4. ระบบ STEP SEQUENCER ให้เราสามารถใส่โน้ต เข้าออกได้ทันที และยังสามารถกด TRIGGER PAD อัดเสียงเองได้โดยตรงก็ได้ครับ อันนี้แจ๋วมากเพราะส่วนใหญ่ อุปกรณ์แบบ DRUM MACHINE ไม่ค่อยติดมาให้ครับ ที่สำคัญยังสามารถควบคุมระบบ TRIGGER หรือเสียงเริ่มเล่นใหม่ทุกครั้งที่โน้ตเล่นโดยให้มา3แบบ คือ
"FULL" ทั้ง SAMPLE, ENVELOPE และค่าMODULATE ต่างๆจะเริ่มเล่นใหม่ทันทีที่โน้ตเล่น
"HALF" ให้เฉพาะค่าENVELOPE และ MODULATEเล่นใหม่ทุกครั้งที่โน้ตเล่น ซาวย์จะออกมาเหมือนเสียงเล่น SIDECHAIN COMPRESSER
"PARAM" จะเริ่มใหม่เฉพาะค่า MODULATE เท่านั้น
5. TOUCH STRIP FUNCTION หรือที่เราสังเกตุ เป็นตัว เลื่อนขึ้นลงแบบทัชสกรีน เจ้าตัวนี้ให้เราสามารถควบคุม PITCH เหมือนพวกคีย์บอร์ดทั่วไปได้ และยังมีระบบเปลี่ยนโหมดให้สามารถเล่นเป็น NOTE REPEAT ได้ (กดPADค้างแล้วเสียงเดิมเล่น ซ้ำไปมา) แถมยังให้ USER1 และUSER2 ให้เราสามารถ ASSIGN ค่าคำสั่งต่างๆไว้ควบคุมได้อีกด้วย
6. ระบบหน้าจอแบบ TOUCH SCREEN สำหรับหน้าจอจะแสดงผลทุกอย่าง ตั้งแต่การสร้างโปรเจ็คไปจน
ถึงโหลดEDIT เสียงต่างๆ และรวมไปถึงเข้าสู่ระบบ MIXER และ EFFECT บนตัวเครื่องโดยแสดงผลเป็นหน้าจอสี
7. ระบบ MIXER และ EFFECT ในส่วนนี้นั้นเราจะสามารถปรับแต่งค่า ในแต่ละ TRACK ได้ดังนี้
- VOLUME = ตั้งค่าความดังแต่ละ TRACK
- PAN = ตั้งค่าการแพน ซ้าย-ขวา ของแต่ละ TRACK
- OUT ASSIGN = สำหรับเซ็ต OUTPUT ของแต่ละ TRACK โดยด้านหลังเครื่องสามารถ BUS เสียงจาก TRACK ไปออกช่อง OUTPUT หลังเครื่องได้เลย โดยมีมาให้ 8 OUTPUTครับ สำหรับใครที่ทำเพลงแล้ว อยากไปต่อกับคอมแล้วอัดเสียงเข้า AUDIO INTERFACE แยกเป็นเสียงได้เลย หรือจะต่อออกเข้า MIXER DJ ทั้ง 4CHANNEL ได้เลยครับ
- HEADPHONE สำหรับปรับความดังช่องหูฟัง
- MASTER TRACK สำหรับปรับความดังของช่อง MASTER TRACK
- THE SEND FX/ MASTER FX เจ้าเครื่องนี้แถม EFFECT ที่MASTER มาให้ 2 ตัวครับคือ REVERB และ DELAY โดยจะสามารถใช้ได้เฉพาะที่ MASTER TRACK เท่านั้น
* ไม่สามารถแยกเป็น TRACK ได้ ในกรณี เราตั้ง OUTPUT แยกเป็น TRACK 1-2, 3-4, 5-6, 7-8 เอฟเฟ็กจะ ไม่ติดไปด้วยนะครับ จะออกเฉพาะในกรณีตั้งออกเป็น MASTER TRACK เท่านั้น
- ระบบ เอฟเฟ็กบนตัว TRACK จะมีมาให้ 4ตัวครับคือ CHORUS, FLANGER, DELAY, REVERB
8. ระบบ Search เราสามารถพิมพ์หาเสียงแซมต่างๆ ได้โดยการพิมพ์บนแป้นพิมพ์ที่ขึ้นมาให้พิมพ์บนหน้าจอทัชสกรีนได้เลย หรือใช้การหมุนปุ่มหมุน ที่ให้มาก็ได้ครับ
9. การปรับแต่งค่า TRACK MENU เราสามารถปรับแต่งค่า AMP ENVELOPE เพื่อปรับค่า A,D,S,R และยัง สามารถ SLICE เสียงในกรณีเสียงเป็นแพทเทิน และที่สำคัญยังยังสามารถเลือกให้ TRACK เป็น THROUGH เพื่อรับเสียงจากอุปกรณ์ต่อพ่วงนอกได้ที่เสียบผ่าน INPUT ของตัวเครื่องได้อีกด้วย
10. ANALOG FILTER BY DAFT SMITH อันนี้เป็นสิ่งที่ผู้เขียนค่อนข้างตื่นเต้นมากๆ เนื่องจากอุปกรณ์ FILTER ในแวดวง SYNTHESIZER ถือว่าแทบจะเป็นจุดขายหลัก ที่ผู้ผลิต SYNTHESIZER ทุกเจ้านำมาเป็นจุดขายและเป็นอุปกรณ์ตัวสำคัญในระบบซินส์ เพราะเป็นตัวควบคุมโทนของเสียงที่ดีไซน์ออกมา ทั้งนี้ PIONEER นั้นมาถูกจุดแล้วครับ โดยเจ้าตัว FILTER นั้นถูกต่อพ่วงสัญญาณที่ออกมาจาก MASTER TRACK เพราะจะนั้นเราจะสามารถใช้ FILTER กับเพลงทั้งเพลงได้เลยครับ เพื่อตัดการแปลงสัญญาณเป็นดิจิตอล โดยปล่อยให้เป็นสัญญาณ ANALOG ล้วนๆ ครับ โดยมีทั้ง LOW PASS FILTER, RESONANCE, HI PASS FILTER และตัว DRIVE เพื่อให้เสียงออกหนาขึ้นด้วยครับ
12. MIDI IN-OUT สำหรับเชื่อมต่ออุปกรณ์ทำเพลงตัวอื่นๆครับ หรือเรายังสามารถเสียบ CONTROLLER ตัวอื่น มาเพื่อให้สะดวกในการควบคุมพวกการเล่นเสียงต่างๆก็ได้ครับ
13. CREAT ARRANGING หรือการรวม SCENE ให้เป็นเพลงง่ายเลย เราสามารถเรียง SCENE ที่ทำไว้ว่าใครก่อนหลังและให้เล่นซ้ำกี่รอบได้เลย พอเรียงจบก็ EXPORT
เอาละครับทั้งหมดนี้คือฟังค์ชั่น โดยรวมของ PIONEER TORAIZ SP-16 ครับ สำหรับคลิปวีดีโอสาธิตการใช้งานจริงๆลองดูจากวีดีโอด้านล่างกันต่อเลยครับ สำหรับเพื่อนๆคนไหนสนใจการทำเพลง การใช้ SAMPLER MACHINE สามารถดูหลักสูตร DJ/Producer ที่อินเอียบีทกันได้เลย ทั้งเล่นสด ดีเจและ ทำเพลง สนุกและได้ความรู้กันเต็มๆแน่นอน ยังไงขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านกันยาวเลยทีเดียว สวัสดีครับ
วีดีโอรีวิว Pioneer Toraiz Sp-16 โดย อินเอียบีท