5 ข้อทฤษฎีดนตรี ที่มีผลต่อ DJ และ Producer (Music Theory)
ในปัจจุบันด้วยความสะดวกสบายของเทคโนโลยีดนตรี มาถึงจุดสูงสุด จนทำให้การเล่นดีเจ หรือแม้แต่การทำเพลงบนคอมพิวเตอร์ หรืออื่นๆเป็นเรื่องง่าย แต่สิ่งที่โปรแกรมไม่สามารถให้เราได้คือ "ไอเดีย" และ "ความถูกต้อง" ซึ่งเราต้องเป็นคนโปรแกรมลงไปเอง โดยในที่นี้ผมหมายถึง เรื่องทฤษฎีดนตรี ที่เราไม่สามารถมองข้ามได้เลย..แม้คอมสามารถบอกเราได้ว่ามันคือโน้ตอะไร หรือคีย์อะไร แต่มันไม่เคยบอกว่า แล้วต้องเล่นโน้ตไหน ถึงจะถูกคีย์ แล้วโน้ตไหนคือโน้ตถัดไปที่ต้องใส่ แต่ก่อนอื่นเรามาดูกันก่อน ทฤษฎีดนตรี มีผลอะไรบ้างต่อการเล่นดีเจ และทำเพลงครับ
1.Key เพลง
แน่นอนว่า ถ้าคิดจะแต่งเพลงหรือ เลือกเพลงมาต่อกัน Key ของเพลงมีความสำคัญมากๆ ซึ่งเราต้องรู้ว่าก่อน Note ที่บรรจงใส่เข้าไปในการแต่งเพลง มันอยู่ใน Key นั้นๆได้ไหม หรือ เพลงต่อไปที่จะเปิดต่อ มันมี Key เพลงที่ไปด้วยกันอย่างดีกับเพลงก่อนหน้านี้ไหม
2.สร้างความแต่งต่างจากการเลือก โหมด Major , minor เบื้องต้น
คอร์ดทาง Major จะให้ความรู้สึกที่สว่างหรืออบอุ่น
คอร์ดทาง minor จะให้ความรู้สึกที่หม่นหรือเศร้า
ไม่ว่าจะทำเพลง หรือ เปิดเพลงต่อจากเพลงก่อนหน้า
จงรู้ว่า เราให้ความสำคัญกับ โหมด Major และ minor แล้วหรือยัง
3.เสียงกลองก็มี key
บางครั้งเริ่มทำเพลง หรือเล่น DJ เราอาจะรู้สึกเพลงยังแปลกๆ หรือ เปิดเพลงต่อๆกันแล้ว แต่ก็ยังไม่เนียน
หลายคนอาจะไม่รู้ว่า เครื่องดนตรีที่ทั้งที่จริงๆแล้วทำงานใน part Rhythm ประเภทกลอง มันก็มีKey ในตัวเองนะครับ
เสียง kick อันนี้ชัดมากๆ จะคุมย่าน Low
เสียงอย่าง Snare จะคุมย่าน Mid
เสียง Hiat จะคุมย่าน Hi
ซึ่งมันมีผมต่อการเลือกเสียงให้เข้ากับ เครื่องดนตรีอื่นๆ ในเพลงเช่นกันครับ
4.เราจะฟังเพี้ยนไม่ออก
ถ้าไม่ได้ถูกฝึกฝนมาแบบนักดนตรีจริงๆ เราจะแถบแยกไม่ออกว่าอะไรเพี้ยนหรือไม่เพี้ยน
จากการเล่นและการทำเพลง ฟังยังไงแล้วก็ยังแปลกๆ และไม่ลื่นไหล เนื่องจากคู่เสียงหรือ key ของเพลงที่แตกต่างกัน อธิบายได้จากความห่างของคู่เสียงหรือ โน๊ตใน key ที่เราเลือกใส่ไป หรือ การเปลี่ยนเพลง
ที่key ไม่ไปด้วยกัน
5.แล้วถ้าฟัง key เพลงไม่ออกจะทำอย่างไร
อันนี้มาจากการฝึกซ้อมล้วนๆครับ ไว้ลงถึงแก่นผมจะมาแชร์อีกทีในบทความหน้า แต่ตอนนี้มีไอเดียร์ให้ทุกคนได้เอาไปใช้ได้เลยคือ ลองฝึกร้องเพลงเล่นๆดูครับ
แล้วเราจะจับได้ว่า เสียงอะไรที่เพี้ยนสำหรับเพลงของเรา
หรือเพลงอะไรที่เอามาต่อ เราจะฟังออกว่าอะไรเวิร์คไม่เวิร์ค เราจะมีเซ้นส์ทันทีครับว่า ถึงความแปลกหรือกลมกล่อมในการเลือกโน๊ตหรือเพลง มันอยู่ตรงไหน
และทั้งหมดนี้คือสิ่งที่เราควรหยุดนิ่ง คือสิ่งที่เราต้องทำความเข้าใจ เพราะก็เหมือนกับภาษาที่เราพูดได้ แต่ไม่สามารถเขียนได้ เราก็จะเสียเปรียบอย่างมากครับ และสำหรับที่ต้องการศึกษาทฤษฎีดนตรี เพิ่มเติม ก็สามารถติดต่อสอบถามทางอินเอียบีทของเราได้เลยครับ เรามีคอร์สทฤษฎีดนตรี ที่เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับทุกท่านที่สนใจครับ วันนี้ของคุณทุกท่านที่ติดตามครับ
---- บทความโดย อาจารย์แค๊ส อินเอียบีท ---
