top of page

“Radiohead” วงร๊อคในตำนาน..กับการก้าวสู่โลกดนตรีอิเล็กทรอนิกส์!!


เพิ่งครบรอบ “30ปี” กันไปไม่นาน..สำหรับสุดยอดวงดนตรีร๊อคจากอังกฤษนาม “Radiohead”..ซึ่งตอนนี้กลายเป็นรุ่นเก๋าของวงการไปแล้ว..ขนาดนักร้องนำอย่าง Thom Yorke ปีนี้ก็อายุอานามเฉียด 50ปีเลยนะ!! แต่สำหรับวงนี้ ถึงแม้เวลาจะล่วงมานานแค่ไหนก็ตาม..ผมเชื่อว่าเพลง “Creep” ก็ยังคงเป็นเพลงอันดับหนึ่งในใจของใครหลายคนแน่ๆ..แล้วคุณล่ะรู้ไหมว่า? ทางเดินของวงนี้ก็เปลี่ยนแปลงอยู่ไม่ใช่น้อยเช่นกันนะครับ..โดยเฉพาะวันนี้เราจะมาพูดถึง การเสริมกำลังของวงด้วย “ดนตรีอิเล็กทรอนิกส์”..ที่เรียกได้ว่าเปลี่ยนกันจนได้ดีกันเลยทีเดียว!! จะเป็นอย่างไรนั้น..ลองไปดูกันครับ

ว่ากันด้วย..การรวมตัวของ Radiohead

ย้อนกลับไปเมื่อปี 1982 ณ.โรงเรียนชายล้วนของเขต Abingdon ในตัวเมือง Oxfordshire ของประเทศอังกฤษนั้น หนุ่มน้อยมือกีต้าร์ ผู้มีเสียงร้องเป็นเอกลักษณ์อย่าง Thom Yorke ได้พบกับมือเบส Colin Greenwood ในโรงเรียนแห่งนี้..ด้วยที่ว่ามีความชอบในเรื่องของดนตรีเหมือนกัน ทั้งคู่จึงกลายมาเป็นคู่ซี้กันอย่างรวดเร็ว และตกลงใจว่าจะลองฟอร์มกันดู โดยประจวบกับไปเจอรุ่นพี่ของ Thom อย่าง Ed O’Brien ซึ่งเป็นมือกีต้าร์ที่เก่งกาจไม่แพ้กัน และ Phil Selway รุ่นพี่อีกคน ที่กลายมาเป็นมือกลองประจำวง..โดยทั้งสี่ได้ร่วมกันตั้งวงดนตรีร๊อคขึ้นมาในช่วงนั้นเอง..แถมแอบยึดห้องดนตรีของโรงเรียนเป็นที่ซ้อมกันอีกตั้งหาก...แต่หลังเริ่มเพียงไม่นาน วงก็ได้สมาชิกใหม่เพิ่มมาอีกคน..นั้นก็คือ “เจ้าหนู Jonny” ซึ่งเป็นน้องชายแท้ของ Colin ที่อายุน้อยกว่าสองปีมาร่วมวง ในฐานะนักดนตรีที่เล่นเครื่องดนตรีได้หลายชิ้น(multi-instrumentalist)อีกด้วย!!

เมื่อสมาชิกครบองค์ หนึ่งปีถัดมา ก็ถึงเวลาที่วงได้งานแสดงโชว์อย่างจริงๆจังๆเป็นครับแรกที่ ผับในเมืองนั้นเอง..แถมเล่นกันได้ดีจน เจ้าของต้องจีบมาให้เป็นวงประจำผับ Jericho Tavern แห่งนี้ซะเลย!! และสถานที่แห่งนี้เอง ได้กลายเป็นเวทีแจ้งเกิดให้ทั้งพวกเขาทั้งห้าในเวลาต่อมาต่อมา!!

ยุคแห่งความร้อนแรงของ...วงอัลเทอร์เนทีฟ(1992-1996)

หลังจากที่วงดนตรีเล็กๆวงนี้ถูกคนพบในผับ Jericho Tavern..ก็ถูกสายตาอันแหล่มคมของ โปรดิวเซอร์ประจำสตูดิโอของเมืองคว้าเพลงเม็ดงามอย่างวงนี้ขึ้นมา พร้อมส่งไม้ต่อให้บริษัทเพลง อย่างEMIจับมาปั้นกันต่อ ส่วนชื่อ“Radiohead”นั้น ก็เป็นทาง EMIนี่แหล่ะที่ตั้งให้พวกเขา เพื่อเตรียมออกสู่สาธารณะชนอย่างเท่ๆในฐานะวงศิลปินวัยรุ่นมากความสามารถ.... แต่ก็ใช่ว่าฝันจะสวยงามสำหรับหนุ่มๆ Radiohead เสมอไป เพราะ “Drill” ที่เป็นซิงเกิ้ลเปิดตัวนั้น..ดันไม่ได้รับการตอบรับที่ดีในชาร์ต UKเท่าที่ควร!! แต่นั้นก็ทำให้สมาชิกวงกลับมาโฟกัสในเพลงต่อไปมากขึ้น

และแล้วโอกาสของพวกเขาก็มาถึง..เมื่อซิงเกิ้ลที่สองอย่าง “Creep”ที่ปล่อยตามมาในปีเดียวกันนั้น กลับดังเปรี้ยงปร้างและ จนเรียกได้ว่า เพลงนี้ได้รับความสนใจจากบรรดาสื่อดนตรีต่างๆของอังกฤษเลยล่ะครับ...ถึงแม้โดนแบล๊กลิสท์จาก BBC Radio 1(สื่ออันดับหนึ่งของอังกฤษ)ก็ตาม.. เนื่องด้วยเหตุผลที่ว่า “เพลงนี้มัน..หดหู่เกินไป”นั้นเอง!?!...แต่ถึงอย่างไรก็ไม่มีใครหยุดความแรงของวงนี้ได้อีก...ซึ่งหลังจากนั้นเพียงไม่นาน พวกเข้ารีบปล่อยอั้ลบั้ม Pablo Honey ซึ่งเป็นอั้ลบั้มเปิดตัวของวงนี้ และแน่นอน เสียงตอบรับดีมากๆ จากนั้นในปี 1995 อัลบั้ม The Bends ก็คลอดออกมา และมีโอกาสได้เป็นวงเปิดตัวในทัวร์คอนเสิร์ตของ Alanis Morissette ในช่วงเวลานั้นซึ่งส่งผลให้วงมีฐานแฟนเพิ่มมากขึ้นด้วย!!

เพลงแจ้งเกิดของวง Radiohead กับ Creep สุดยอดเพลงร๊อค อัลเทอร์เนทีฟ ที่โด่งดังตลอดกาล

จุดเริ่มต้นของการเพิ่ม “ซาวด์อิเล็กทรอนิกส์” (1997)

สำหรับอัลบั้มที่สามอย่าง “OK Computer” นี่เอง..ถือได้ว่าเป็นครั้งแรกที่วงพยายามจะหาอะไรใหม่ๆ มาใส่ให้กับวง..ที่จะทำให้ Radiohead กลานเป็นวงอัลเทอร์เนทีฟร๊อค ที่แตกต่างจากวงอื่นๆ โดยไอเดียที่ว่านี้คือ ความพยายามที่จะใส่ “แนวอิเล็กทรอนิกส์” และ “แนวAmbient” ลงไป..โดย Thom Yorke บอกว่าที่มาของการเปลี่ยน ให้มีกลิ่นอายของอิเล็กทรอนิกส์นี้ เพราะเขาอยากจะสื่อถึง “ความรวดเร็ว” ของหลายๆสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปในยุค 90’s โดยเฉพาะเรื่องเทคโนโลยีนั้นเอง...!!

และแล้ว Radiohead ก็ผลิกโฉมวงการร๊อคได้จริงๆ เพราะการเปลี่ยนครั้งนี้ ส่งผลดีอย่างไม่น่าเชื่อ!! เพราะอัลบั้ม OK Computer โดนใจกลุ่มผู้ผังเป็นอย่างมาก โดยทำให้วงติดชาร์ตอันดับหนึ่งของ UK ซึ่งเป็นครั้งแรกของวงที่มาได้ถึงจุดนี้!! แถมยังได้รับรางวัล Grammy Award เป็นครั้งแรก เพราะอัลบั้ม OK Computer นี้อีกต่างหาก!!

Karma Police เพลงที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในอัลบั้ม OK Computer

เพราะไปได้สวย จึงเปลี่ยนเป็น “วงดนตรีอิเล็กทรอนิกส์” อย่างเต็มตัว (1999-2001)

หลังจากที่ประสบความสำเร็จแบบไม่ทันตั้งตัวในอัลบั้มก่อน..สมาชิกในวงทุกคนจึงเห็นพ้องต้องกันว่า “พวกเขาเดินมาถูกทางแล้ว” และเพื่อให้เข้ากับทิศทางใหม่นั้น ในปี1999 วงRadioheadทั้งวง จึงเริ่มปรับเปลี่ยนวิธีการเล่น และปรับเปลี่ยนตำแหน่งของนักดนตรีแต่ละคนในวง เรียกได้ว่าจูนกันยกแผง เพื่อให้เกิดความลงตัวต่อรูปแบบใหม่..จากนั้นพวกเขาทั้ง5 ก็เก็บตัว ซุ่มซ้อมกันนาน ถึง18เดือน จากนั้นจึงค่อยปล่อยอัลบั้มที่สี่ ในเดือนตุลาคม ของปี2000 ในชื่อ “Kid A”

ซึ่งอัลบั้มนี้ จะผสม Minimalist และ Texture ทางดนตรี ที่มีความหลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้โปรแกรม ในการสร้างซาวด์ดนตรีอิเล็กทรอนิกส์...การเสริม “เครื่องเป่า” ให้ได้กลิ่นของแจ๊ส..แถม “เครื่องสาย”เข้ามาเสริมอีกด้วย..แต่ไฮไลท์จริงๆ เห็นจะเป็นเจ้า “Ondes Martenot” หรือที่รู้จักกันในฐานะ “เครื่องดนตรีอิเล็กทรอนิกส์แบบโบราณ”นี่แหล่ะ!! ที่วงใช้สร้างความฮือฮาและตอกย้ำความเป็นดนตรีอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้นด้วย!!

หน้าตาของ Ondes Martenot เป็นแบบนี้ครับ

จากความพยายาม ในการเปลี่ยนแปลงอย่างยิ่งใหญ่ของวงนี่เอง ทำให้อัลบั้มนี้ นอกจากติดอันดับในUKแล้ว ยังขึ้น“อันดับหนึ่งของชาร์ตUS” อีกด้วย!! และแน่นอน พวกเขาได้รับรางวัล Grammy Award มาครองอีกครั้งในฐานะเป็น Best Alternative Album แถมยังเป็นตัวเต็งสำหรับเข้าชิงรางวัล Album of the Year ของ Grammy Award อีกด้วยครับ!!

เพลง Everything In Its Right Place ในอัลบั้ม KID A จะเห็นว่า Radiohead ใส่กลิ่นอิเล็กทรอนิกส์ลงไปอย่างเต็มที่

หลังจากอัลบั้มที่สี่ ก็ตามมาด้วย Amnesiac (2001) และ Hail to the Thief (2003) และ In Rainbows (2007) จนมาถึง The King of Limbs (2011) ที่ถือว่าเป็นอัลบั้มล่าสุดของพวกเขาครับ..สำหรับวง Radiohead นั้นนอกจาก เป็นตัวอย่างที่ดีของความกล้าที่จะเปลี่ยนแปลง และไม่หยุดที่จะทดลองในสิ่งใหม่ๆแล้ว.. สมาชิกทั้งห้า ก็ยังพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่องอีกด้วย ตัวอย่างเช่นอัลบั้ม Hail to the Thief ตัววงก็เพิ่ม Drum Machine และ Synthesizer ลงไปด้วย!! ถือว่าเป็นอีกวงที่ควรยึดมาเป็นแบบอย่างครับ

ขอส่งท้ายด้วยเพลง There There ในอัลบั้ม Hail to the Thief ครับ..ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งเพลงดังของ Radiohead

Featured Posts
Recent Posts
Archive
Search By Tags
Follow Us
  • Facebook Basic Square
  • Twitter Basic Square
  • Google+ Basic Square
bottom of page