top of page

12 อันดับดีเจที่ทำเงินสูงสุด จนได้ฉายาว่า ‘Electronic Cash King’!!


ปัจจุบันนั้นกระแส 'Electronic Dance Music '(EDM) สามารถสั่นสะเทือนวงการดนตรีได้เป็นอย่างมาก..แถมปรากฏการณ์ ‘คลื่นดนตรี’ ที่ว่านี้ยังเกิดพร้อมกันทั่วโลกอีกด้วย!! ส่งผลให้อุตสาหกรรมอีดีเอ็มขยายตัวอย่างรวดเร็ว และเกิดการสนองตอบทางตลาดเพื่อรองรับแฟนๆหลากหลายช่องทาง ทั้งเพลงฮิตติดชาร์ต..การตื่นตัวของกระแสดาวน์โหลดและสตรีม..การโหมกระหน่ำของมิวสิคเรฟ และเฟสติวัลทั่วโลก..ทำให้บรรดา ‘ดีเจ’ และ ‘อีดีเอ็มโปรดิวเซอร์’..ต่างกอบโกยทั้งชื่อเสียงและรายได้เข้ากระเป๋ากันไปเต็มๆ..ส่วนเหล่าดีเจที่จับพัดจับผลูจนกลายเป็น ‘มิลเลียนแนร์’ จะมีใครบ้างนั้น?..วันนี้เราไปดูกันครับ!!

(Photo From Edmravers.co)

1.Calvin Harris ($66 ล้านดอลล่าร์) Photo From Revistaevoque.com

แชมป์หลายสมัยของเรา ที่รายได้ทิ้งห่างจากอันดับ #2 เกือบสองเท่าเลยทีเดียว!! ถึงแม้ปีที่ผ่านมา 'Calvin Harris' จะลดจำนวนโชว์ลงไปบ้าง..แต่ไม่ได้กระทบกระทั่งต่อรายได้เสียเท่าไหร่ เพราะเฮียได้เป็นถึงนายแบบ 'Giorgio Armani' (ในไลน์โปรดักอันเดอร์แวร์) และยังเป็นเป็นดีเที่โปรดิวซ์งานเพลงของตัวเองด้วย อย่างเพลงฮิตล่าสุด ‘Motion’ ที่ได้สองศิลปินบิ๊กเบิ้มของวงการอย่าง 'Gwen Stefani' และ 'Big Sean' มาฟีเจอริ่งด้วยและร่วมงานกับศิลปินอีกเพียบ..แถมในฐานะดีเจเอง ก็ยังเป็นดีเจนัมเบอร์วันของคลับที่ดังที่สุดในอเมริกาอย่าง 'Hakkasan' อีกด้วย!!

นอกจากความโด่งดังจากการเป็นดีเจระดับโลกแล้ว..ชีวิตส่วนตัวยังเป็นเซเลปตัวพ่ออีกตั้งหาก..ด้วยข่าวการคบหากับ นักร้องสาว 'Taylor Swift' คนดังนั่นเอง.. และเชื่อมั้ยว่า จากรายรับมหาศาลของ 'Calvin Harris' บวกกับซุปเปอร์สตาร์อย่าง 'Taylor Swift' ส่งผลให้คู่นี้กลายเป็น ‘คู่รักในวงการดนตรี’ ที่มีรายได้ร่วมกันมากที่สุดจ้า (เอาชนะคู่ 'Jay Z' กับ 'Beyoncé' ไปอย่างสวยงาม)

2.David Guetta ($37 ล้านดอลล่าร์) Photo From Starschanges.com

ถือเป็นอีกปี ที่ดีเจ/โปรดิวเซอร์ เชื้อสายฝรั่งเศสคนนี้..ครองความยิ่งใหญ่และสร้างรายได้สูงสุดเป็นอันดับสองของวงการ ด้วยกว่า 30โชว์ใน 'Las Vegas' แถมยังขยันไปเป็นดีเจประจำเกาะ 'Ibiza' อยู่ทุกอาทิตย์!! ซึ่งเฟสติวัลใหญ่ๆทั่วโซนอเมริกาและโซนยุโรป ก็ไม่พลาดที่จะมีชื่อของ 'David Guetta' ขึ้นเป็นตัวหลักครับ..และจากการที่จับกระแสการร่วมมือทางดนตรีระหว่างสอง ‘เมนสตรีมหลัก’ อย่างป๊อปและอีดีเอ็ม..เข้าจึงมีแนวร่วมมากมายมาฟีเจอริ่งในงาน อาทิ 'Lady Gaga' .. 'Brithney Spears' และ 'Nicki Minaj' (มาถูกทางแบบนี้ เฮียดังอีกหลายปีแน่ๆ)

3.Tiësto ($36 ล้านดอลล่าร์) Photo From Kulturbloggen.com

คนๆนี้ถือว่าเป็น ‘รุ่นใหญ่’ ของวงการดีเจก็ว่าได้..ด้วยการคร่ำหวอดในวงการมานาน ทำให้ 'Tiësto' ทิ้งห่างดีเจหนุ่มๆ ที่คิดจะเทียบรุ่น อย่าง ‘Avicii’ และ ‘Zedd’ อยู่หลายช่วงตัวทีเดียว!! จริงๆต้องขอบคุณค่าตัวที่สูงลิบ..แถมยังมีโอกาสสร้างรายได้จากกว่า 100โชว์ทั่วโลก และยังมีเงินถุงเงินถังจากการเป็น แอมบาสเดอร์ให้กับแบรนด์แฟชั่น 'Guess' และน้ำอัดลม '7ups' อีกด้วย..ทำให้ดีเจดัทช์คนนี้ มีรายได้มากเป็นอันดับสามของลิสท์!!

4. Skrillex ($24 ล้านดอลล่าร์) Photo From Factmag.com

ต้องขอบคุณแรงบรรดาลใจจาก 'Screamo' และ 'Prodigy' ที่ทำให้ดีเจ/โปรดิวเซอร์ 'Skrillex' คนนี้พุ่งขึ้นถึงความสำเร็จสูงสุดในอาชีพทั้งชื่อเสียงและรายได้..ด้วยโชว์กว่า 95โชว์ในช่วงปี แถมยังต่อยอดความสำเร็จกับคู่หูอย่าง 'Diplo' ในนาม 'Jack Ü' !! ซึ่งถือเป็นอัลบั้มที่อัดเต็มทั้ง คุณภาพในด้านการผลิต และการดึงศิลปิน ที่เป็นแม่เหล็กอย่าง '2​ Chainz' และ 'Justin Bieber' มารวมแจม และพากันไปไกลถึง การคว้ารางวัล 'Grammy Award' ในปีล่าสุด..จนทำให้ตอนนี้ 'Skrillex' เป็นศิลปินอีดีเอ็มที่ถือครองรางวัลมากที่สุด (เรียกได้ว่าปีนี้ หนุ่ม 'Sonny Moore' ของเราได้ทั้งเงิน ทั้งกล่อง กันเลยทีเดียว!!)

5. Steve Aoki ($24 ล้านดอลล่าร์) Photo From Magneticmag.com

ปีนี้หนุ่มอเมริกันหน้าตี๋ 'Steve Aoki' ทำได้ดีไม่แพ้กัน.. เนื่องด้วยใน 12เดือนที่ผ่านมา..ดีเจคนนี้ 'อัด' 'งานโชว์มากถึง '216' รอบเลยทีเดียว!! แต่เห็นแบบนี้ยังน้อยนะครับเพราะปีที่แล้วเฮียแกจัดหนักถึง '277' โชว์(โหดไปมั้ย?)..จะบอกว่ากลยุทธ์การหาเงินของ 'Steve Aoki' นั้นไม่ธรรดาเหมือนกัน เพราะเขามุ่งไปที่ตลาด ‘ลาติน-อเมริกา’ ที่เป็นเหมือน น่านน้ำใหม่ของวงการอีดีเอ็ม!!..และด้วยการเป็นเจ้าของ 'Record Label' อย่าง ‘Dim Mak’..ธุรกิจร้านอาหาร และ กำไรจากแบรนด์เฮดโฟน 'Sol Republic' ทำให้แหล่งเงินแหล่งทอง ของ 'Steve Aoki' ในปีที่ผ่านมามีเหลือเฟือเลยทีเดียว!! นี่ยังไม่รวมการเป็น พรีเซนเตอร์ให้เบียร์ 'Bud Light' ..ร้านเครื่องดนตรีอันดับหนึ่งของอเมริกาอย่าง 'Guitar Center' และ แบรนด์รถในเครือโตโยต้าอย่าง 'Scion' (ที่เฮียแกถึงขนาดมี อิดิทชั่นของตัวเองด้วย!!)

6. Avicii ($19 ล้านดอลล่าร์) Photo From Dailymotion.com

ดีเจ/โปรดิวเซอร์ผู้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล 'Grammy Award' คนนี้ยังคงกินบุญเก่าอยู่ กับ ‘True’ อัลบั้มเต็มอัลบั้มแรก..ที่มาพร้อมซิงเกิ้ลสุดฮิต ยอดจำหน่ายกว่า 4ล้านดาวน์โหลด(4x Platinum Single) อย่าง ‘Wake Me Up’ ซึ่งติดชาร์ตอันดับ #1 กว่า 81ประเทศ..แถมยังถูกยกให้เป็นเพลงที่มียอดดาวน์โหลดสูงสุดตลอดกาลของ 'Spotify' ด้วยอีกด้วย!! แต่ถึงแม้ 'Avicii' จะมีงานโชว์น้อยกว่า เพื่อนๆดีเจตัวท็อปคนอื่น แต่เขาก็ยัง 'ชิล' อยู่ได้ด้วยค่าตัวสูงถึง 6หลัก(ดอลล่า)ต่อคืนเลยนะ!!..และแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว ที่จะส่งเขาขึ้นสู่อันดับ# 5 ในลิสท์นี้..แถมยังมีอัลบั้มใหม่อย่าง ‘Stories’ เตรียมออกมาลุ้นกันในปีนี้อีก!!

7. Kaskade ($18 ล้านดอลล่าร์) Photo From Weraveyou.com

ด้วยประสบการณ์ และความเก๋าของดีเจรุ่น 40up อย่าง 'Ryan Raddon' หรือ 'Kaskade' คนนี้..ทำให้เขายังคงอยู่เป็นอันดับต้นๆในวงการ ที่ถือว่ามีการแข่งขันอย่างดุเดือด อย่างวงการนี้!! จากอดีตมิชชันนารีเผยแพร่ศาสนา..คุณพ่อลูกสาม ที่มีชีวิตแปรผันไปสู่วงการดนตรี โดยเริ่มจากเด็กฝึกงานในค่ายเพลง..วันนี้ 'Kaskade' สามารถพาตัวเองขึ้นมายืนอยู่บนจุดสูงสุดของอาชีพดีเจได้สำเร็จ..และล่าสุดในฐานะโปรดิวเซอร์ กำลังเตรียมทะยานถึงจุดสูงสุดเช่นกัน หลังจากที่เขาได้เซ็นสัญญากับ 'Warner Bros' ถึงสองอัลบั้ม..ซึ่งก่อนหน้า 'Kaskade' สังกัดอยู่กับค่ายอิสระเท่านั้นครับ!!

8. Martin Garrix ( $17 ล้านดอลล่าร์) Photo From Beatmood.com

เจ้าหนูมหัศจรรย์ แห่งวงการ 'Dutch DJ' คนนี้..แจ้งเกิดด้วยอายุเพียง 19 ปีเท่านั้น..แถมยังแซงรุ่นพี่ดีเจ คนอื่นๆ ด้วยการถีบตัวเองขึ้นมาอยู่อันดับที่# 7 ได้อย่างสมศักดิ์ศรี..ด้วยยอดโชว์ที่สูงถึง 116 โชว์ในช่วงปีที่ผ่านมา แถมยังเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับนำ้อัดลม '7up' และสินค้าอื่นๆอีกเพียบ!!..Martin เริ่มเข้าวงการด้วยแรงบรรดาลใจจาก ดีเจฮีโร่ของประเทศอย่าง 'Tiësto' เขาจึงหันมาเรียนรู้การทำ 'โปรดักชั่น' ในเพลงอีดีเอ็มตั้งแต่ยังไม่แตกเนื้อหนุ่มกันเลยทีเดียว!! และด้วยอภิมหาความดัง ของเพลง ‘Animal’ แถมด้วยแรงส่งของสุดยอดป๋าดันของโลกอย่าง 'Scooter Braun' (ผู้จัดการคนเก่งที่ผลักดัน Justin Bieber และ Ariana Grande ให้โด่งดังอย่างสุดขีดมาแล้ว) ทำให้ปี 2015 สปอตไลท์ทุกดวงหันมาส่องที่ 'Martin Garrix' คนนี้!!

9. Zedd ($17 ล้านดอลล่าร์) Photo From Txart.me

ด้วยการเป็นเชื้อสายของประเทศแห่งดนตรี ทั้งรัสเซียและเยอรมัน พร้อมแรงสนับสนุนจากครอบครัวสายนักดนตรีโดยตรง ทำให้ทักษะ และความสามารถของ 'Zedd' นั้นเป็นที่ประจักษ์ต่อวงการอย่างไม่มีข้อสงสัย และกับความสำเร็จในปีที่ผ่านมาอย่าง อัลบั้ม ‘True Colors’ ที่ขึ้นสูงถึงอันดับ #4 ของท็อปอัลบั้มประจำ 'Billboard Chart' และเรายังไม่ลืม แรงผลักดันพิเศษจากนักร้องสาว Selena Gomez ที่มาช่วยร้องในเพลงฮิต..จนไปถึงข่าวซุบซิบระหว่างทั้งคู่!!

10. Afrojack ($16 ล้านดอลล่าร์) Photo From Headlineplanet.com

อีกหนึ่งดีเจดัทช์(ผิวเข้ม) ที่ชื่อเสียงโด่งดังไม่แพ้ใครอย่าง 'Afrojack' คนนี้..ถือว่าทำได้ไม่เลวเลยทีเดียวเมื่อปีที่แล้ว..ด้วยรายได้กว่า 6 หลักต่อโชว์ ทั้งคลับทั้งเรฟและเฟสติวัล ไม่ว่าจะเป็นใน 'Las Vegas' และโซนยุโรป..และที่สำคัญไม่แพ้คนอื่นๆ คือการ 'ดึง' ศิลปินระดับแม่เหล็ก ในแนวดนตรีอื่นๆมาร่วมงานด้วย(ถือเป็นข้อได้เปรียบของความเป็น อีดีเอ็มโปรดิวเซอร์) และใน 'Forget The World' อัลบั้มที่ดังเป็นพลุแตกที่อเมริกา..ก็ได้ 'Snoop Dogg' และ 'Wiz Khalifa' มาเสริมทัพนั่นเอง!!

11. Deadmau5 ($15 ล้านดอลล่าร์) Photo From Thissongissick.com

สำหรับ 'Joel Zimmerman' ผู้โด่งดังภายใต้หน้ากากหนู LED คนนี้..ต้องบอกว่าเน้นที่ ‘คุณภาพ’ มากกว่า ‘ปริมาณ’ จริงๆ!! เชื่อมั้ยว่าเขาเล่นเพียง 30 โชว์ในปีที่แล้วเท่านั้น!!..แต่เห็นน้อยๆแบบนี้ แต่ละโชว์เฮียเรียกเกิน '500,000ดอลล่า' ต่องานจ้า!! แถมงานบางงานยังเรียกค่าตัวแบบสูงลิบลิ้วถึงเลข 7 หลักกันเลยทีเดียว!!

12. Diplo ($15 ล้านดอลล่าร์) Photo From Hypebeast.com

ชื่อของดีเจ/โปรดิวเซอร์ 'Thomas Wesley Pent' หรือ 'Diplo' คนนี้... รายได้หลักจำนวนมากมาจาก Live Show ครับ.. เพราะเฮียทำได้มากกว่า 100 งานโชว์ ซึ่งมีทั้งงานแบบโซโลเดี่ยว..แบบแพคเป็นทีมในสังกัด 'Mad Decent' และในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์กรุ๊ป 'Major Lazer' (ที่เฮีย Diplo และ Switch สร้างขึ้น) แถมในปีนี้ อิทธิพลหนุน..เนื่องจากการเป็นซุปเปอร์ดูโอ้ 'Jack Ü' ระหว่างเขากับ 'Skrillex' อีกด้วย..ส่งผลให้ 'Diplo' ติดโผในการเป็นตัวท็อปของ 'Electronic Cash King' ครับ

จะเห็นได้ว่า 'ดีเจ/โปรดิวเซอร์' ที่ติดอันดับการทำเงินในลิสท์นี้ ต่างมีเทคนิคในการสร้างรายได้ของตัวเองที่แตกต่างกัน ทั้งในงานโชว์ ตามคลับที่มือชื่อเสียงต่างๆ ตามมิวสิคเรฟและเฟสติวัลที่เรียกได้ว่า เดินสายกันทัวร์โลกเลยทีเดียว แถมดีเจส่วนมากก็พยายามสร้าง 'ลุค' ให้ตัวเองดูดี เพราะจะส่งผลให้ พวกเขาเป็นพรีเซนเตอร์สินค้าแบรนด์ต่างๆ (งานนี้ถ้าหน้าตาไม่ผ่าน จะใส่หน้ากาก..ก็ได้นะ เพราะวงการอิเล็กทรอนิกส์ดนตรี..มันสื่อสารถึงความแตกต่าง และล้ำสมัยของศิลปินอยู่แล้ว)

และสุดท้ายคือ การแจ้งเกิดหรือปลุกกระแสตัวเอง..ด้วยการ 'สร้างเพลงฮิต' นั่นเอง!! ยิ่งถ้าเพลงออกมาดี ก็จะมีโอกาส ให้เจ้าตัวเตรียมลุ้นทั้งรายได้ ทั้งกล่อง และไปโดดเด่นบนชาร์ตเพลงอีกด้วย!!.. แถมดีเจที่ดังอยู่แล้ว ก็จะมีภาษีดีสำหรับการ 'ดึงศิลปินดังๆ' ในแนวเพลงอื่นไม่ว่าจะเป็น Pop..Rock..Hiphop และ​R&B มาฟีเจอริ่ง เพื่อเกาะกระแสความดังให้ยิ่งขึ้นไปอีกครับ!!

(จริงๆวงการอีดีเอ็ม นี่ถือว่าเป็นข้อดีสำหรับวงการเพลงนะครับ อีกหน่อยในไทยเราอาจจะเห็น ศิลปินดังๆ หรือศิลปินที่เคยดัง..ของเรา มาฟีเจอริ่งกับ ดีเจ/โปรดิวเซอร์ในประเทศ หรือต่างประเทศก็เป็นได้)

สำหรับเพื่อนๆคนไหนที่ชื่นชอบในเพลงอีดีเอ็ม และอยากเรียนรู้การเป็นดีเจ ลองเข้าไปดูหลักสูตร Digital DJ ของทางอินเอียบีทได้นะครับ..หรือดีเจมืออาชีพ ที่เตรียมจะก้าวสู่การเป็น ดีเจ/โปรดิวเซอร์ ลองเข้าไปดูที่หลักสูตร Music Producer กันเลยจ้า

--- ข้อมูลจาก Forbes.com เรียบเรียงโดย Choco Beat ---

Featured Posts
Recent Posts
Archive
Search By Tags
Follow Us
  • Facebook Basic Square
  • Twitter Basic Square
  • Google+ Basic Square
bottom of page