เจาะลึก Ableton Live10 สิ่งอำนวยความสะดวก
หลังจากที่ได้พาทุกท่านไปชมกับอุปกรณ์ในส่วน Live Instrument กับ Audio Effect กันแบบเต็มๆไปแล้ว ที่นี้ถึงคราวฟังชั่นสำหรับทำเพลงต่างๆ ที่เพิ่มเข้ามาในระบบการทำงานหลักของ Ableton Live 10 ไปดูพร้อมกันเลยว่า มีอะไรบ้างครับ
Capture คือฟังชั่นแรกที่ถือว่าเป็นฟังชั่นที่น่าจะพีค! ที่สุดในส่วนของการทำเพลง ทุกคนเคยรู้สึกไหมว่าเวลาที่เราคิดงานและลองเล่นลงไปบน Midi Controller แต่พอจะกดอัด ไอเดียเมื่อถูกโดนเล่นอย่างตั้งใจ อาจทำให้เกิดความไม่เป็นธรรมชาติ รวมทั้งอารมย์ความรู้สึกที่อาจไม่เหมือนความรู้สึกแรก ตอนที่กดเล่นโน้ตเมื่อคิดงาน
ทาง Ableton มองเห็นความสำคัญในความเป็นธรรมชาติในเบื้องลึกของเรา จึงสร้างฟังชั่น Capture ที่จะทำการจดจำและบันทึก ทุกตัวโน้ตที่เราเล่นไว้ในระบบ MIDI รวมทั้งยังมีระบบคำนวนบีทที่เราเล่น และกำหนดเป็น BPM ที่ใกล้เคียงที่เราเล่น ให้แบบอัตโนมัติโดยจะอยู่ในช่วงตั้งแต่ 80-150 BPM ทำให้เราสามารถเก็บทุกบริบทในกระบวนการทำเพลงของเราด้วย MIDI ได้อย่างครบถ้วน ทั้งอารมย์, ความรู้สึก, ตัวโน้ต, จังหวะและความเร็ว
Edit multiple MIDI clips
Edit multiple MIDI clips หรือการเขียนโน้ตของแต่ละ Clipsในแต่ละแทรค ได้พร้อมกันในหน้าเดียวกัน สำหรับฟังชั่นนี้ ดีไซน์ให้เราสามารถ เขียนโน้ตของแต่ละเครื่องชิ้น โดยที่ไม่ต้องไปเสียเวลากดเข้าไปแต่ละ MIDI Clips เพื่อเข้าไปเขียนโน้ต เพียงเรากด Command+A หรือกด Clipแรก แล้วกด ปุ่ม Shift ค้างไว้ แล้วไปกดเลือก MIDI Clips แต่ละอันที่จะให้เขียนโย้ตพร้อมกัน เท่านี้ก็สามารถเลือกทำงานได้เลย โดยเมื่อเขียนพร้อมกันไม่ต้องกลัวว่าโน้ตจะทับกัน หรือเขียนแล้วงง เพราะ Ableton Live จะแยกสี และบอกว่าโน้ตอะไรคือของเครื่องดนตรีหรือไลน์ไหนเพียงคลิ๊กไปที่โน้ตนั้นๆ Ableton Live จะทำการแสดงผลเป็นชื่อและสีอย่างชัดเจน และไม่ส่งผลต่อโน้ตของคลิปอื่นที่เราไม่ได้เลือกแก้ไข
Ableton Live10 Arrange View
Create and arrange more fluidly ถือว่าเป็นการปรับปรุงที่ถือว่าเป็นประโยชน์สุดๆในหน้า Arrange View คำถามง่ายๆว่าใครเคยเผลอไป Automation ค่าต่างๆแบบไม่ได้ตั้งใจ เมื่อดึงขยายให้หน้า Wave File หรือ MIDI Note ให้ใหญ่ขึ้นบ้าง? ผมว่าส่วนใหญ่น่าจะเคยกันหมดนะครับ โดยเฉพาะผมเลย ต้องกด Undo กันบ่อยมาก
ทีนี้ใน Ableton Live10 เลยจัดการแยกกันอยู่ซะเลย โดยการทำเป็นปุ่ม Automation ใครอยากอยากจะ Automate ก็กดแยกเปิดได้เลยไม่ต้องเผลอโดนกันอีก ที่สำคัญยังเพิ่มฟังชั่นในการ Edit Wave File เสียงได้ง่ายและสะดวกขึ้น ที่ผมชอบเลยคือตัว Fade in และ Fade out ไม่ต้องเปิด Automation ให้เสียเวลา กดที่ Wave ใน Clip จะโชว์ให้เขียนได้เลย
Ableton Live10 Arrange View Automation Mode
ในส่วนของการ Edit และควบคุม Audio Clips ในหน้า Arrange View จัดว่าเยอะและได้คุณภาพมาก คือทำมานึกถึงคนทำงานจริงๆ ทำอะไรได้บ้าง Key Command คืออะไร ไปดูกัน
- กดเครื่องหมาย - เท่ากับ Zoom Out
- กดเครื่องหมาย = เท่ากับ Zomm In
- Double Click ที่ปุ่มฟังชั่นต่างๆ จะเป็นล้างค่าเพื่อเริ่มค่าเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
- กดเลือก Audio Clip แล้วกดปุ่ม R จะ Reverse Clipเสียง ให้อัตโนมัติ
- กดเลือก Audio Clip แล้วกดปุ่ม Shift+Option (mac) แล้วคลิ๊กซ้ายค้างแล้วลากเม้าส์ซ้ายขวาในตัว Audio Clip จะสามารถเลื่อน Wave เพื่อเลือกท่อนหรือช่วงของ Wave ในClipที่เราต้องการได้
- กดคลิ๊ก ที่ Clip แล้วกดปุ่ม Curser ซ้ายขวาจะสามารถเลื่อน Clips ได้เลย ลากเม้าส์ เลือกคลอปในส่วนที่ต้องการ แล้วกดลากออกจากจุดเดิม ไปวางในจุดอื่นได้เลย ที่สำคัญถ้าลากไปแทรคอื่นหรือพื้นที่ว่างในส่วนของTrack จะสร้างTrackให้อัตโนมัติ และจะเปลี่ยนชื่อแทรคให้ตรงกัน และจะเปิดใช้ Effectต่างๆ ค่าความดังและทุกรายละเอียด จาก Track ก่อนหน้าที่ Clip นี้อยู่มาก่อนทันที
นอกเหนือจากนี้มาดูกันซิว่าใน Ableton Live10 เพิ่มอะไรให้เราทำงานกันง่ายขึ้นอีกบ้าง
Ableton Live10 Browser Collections
Browser Collections ตอนนี้สามารถเลือกอุปกรณ์ต่างๆที่ชอบไว้ในหมวด Collection บนสุดของ Live Browser ได้แล้วนะ เพียงคลิ๊กขวาที่ ที่ Live Instrument, Audio Effect, Midi Effect หรืออะไรก็ได้ในหน้า Live Browser ย้ำอะไรก็ได้ ทั้ง 3rd Party Pluginหรือแม้กระทั้ง Waveเสียงในโฟลเดอร์ โดยให้เราสามารถ Custom กันได้เลยโดยแบ่งจากสีที่มีให้เลือก 7สี และยังเปลี่ยนชื่อหัวข้อในแต่สีได้อีกด้วย ใครที่ชอบเปิดอุปกรณ์เดิมซ้ำไปมา สวรรค์กันและงานนี้
Ableton Live10 Device Download&Update Function
อีกอย่างที่สำคัญคือ ใครไม่อยากพลาดเวลามีอุปกรณ์ใหม่แจกฟรี หรือมีอะไรให้อัพเดทโดยไม่อยากเข้าไปที่หน้าAccount เราใน Ableton.com เพียงเข้าไปใน Live Browser ในส่วนของ Packs ด้านล่างสุดจะมีปุ่มโชว์เราเลือกอัพเดท ดาวย์โหลด และInstall อุปกรณ์ใหม่ๆได้เลยโดยที่ไม่ต้องเข้าหน้าเว็ปและออกจาก Ableton Live อันนี้จะเป็นพวก Pluginและ Sound Pack นะครับ และยิ่งไปกว่านั้น Ableton Live10 จะทำการ Auto Update ให้ตลอดเวลาเมื่อมี เวอร์ชั่นใหม่ออกมา เพื่อให้เราได้ใช้วอฟแวร์เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด ทุกครั้งที่เปิดใช้งาน Ableton Liveครับ
Ableton Live10 Live Set Backups
Live Set Backups ไม่ต้องห่วงว่าเผลอกดเซฟงานจนเคยฉิน แต่อยู่ๆก็อยากไปใช้อันเก่าที่ก่อนจะกดเซฟเอาไว้ Ableton Live10 ได้ทำการแบคอัพข้อมูลที่เราทำมาไว้แบบอัตโนมัติ จะเรียกมาใช้เมื่อไรจัดได้เลยที่สำคัญ ไม่ต้องกลับมาทั้งหมดก็ได้นะ เอาเฉพาะบาง Clipก็ยังได้ ที่สำคัญสามารถทำให้เรากด Undo แม้จะกด Saveไปแล้วก็ได้ด้วย
Note chasing ใครรำคาญเวลาเล่นพวกเสียง Pad แล้วต้องไปเริ่มที่ตน Clip หรือหัวโน้ตเพื่อให้เสียงเล่นบ้าง คราวนี้ไม่ต้องแล้วนะ เล่นตรงจุดไหนก็ได้เดี๋ยวเล่นเสียงให้หมดทุกจุดที่เลือกแล้วกดเล่นเลย
Ableton Live10 Customize the metronome
Customize the metronome สำหรับใครอยากกลองเปลี่ยนเสียง Metronome เวลาอัดเสียงบ้าง คราวนี้เปลี่ยนได้แล้วนะครับ ดดยมีให้เลือกถึง 3เสียง ที่สำคัญใครเป็นสาย Live Performance สามารถตั้งให้ Metronome เล่นเฉพาะตอนอัดเหมือนฮาร์ดแวร์ได้แล้วด้วย
Ableton Live10 Input&Output Config
I/O Renaming ใครมีอาการมึนงงว่า Audio Interface แต่ละช่องเราเสียบกับเครื่องอะไรไว้บ้าง ไม่ต้องซื้อสติ๊กเกอร์มาแปะแล้วเขียนทับที่ Line in กับ Line Out ของ Interfaceแล้วนะ ในส่วนของ In Put และOut Put Config เขาทำช่องให้เราสามารถเขียนไว้ได้เลย ที่สำคัญเวลากดเลือกที่ I/O ในแทรค จะโชว์ชื่อตามที่เขียนไว้เลยครับ ไม่ต้องมานั่งนึกหรือหันไปมองและไล่สายให้เสียเวลา
Ableton Live10 groups within groups
Create groups within groups ใครที่เคยใฝ่ฝันอยากทำ Group ใน Group ใน Group แล้วก็ใน Group ฝันเป็นจริงแล้วครับ Ableton Live10 อนุญาติให้เราสร้าง Group แบบ Unlimited แบบแล้วแต่คุณเลยสะใจกันไปเลยครับงานนี้ สะดวกมากจริงๆ
Ableton Live10 "Link" Start Stop Sync
Link Start Stop Sync ในส่วนของฟังชั่น Link นั้นจะมีปุ่มพิเศษคือ Start Stop Sync ให้สามารถควบคุมการเล่นกับ Application ที่มีฟังชั่น Start Stop Sync ด้วย
Ableton Live10 Session View
Mixing improvements อันนี้พูดเลยว่าดีสุดๆจริงๆ ทำมิกส์มาสเตอร์บน Ableton Live10 กันแบบจบไปเลย โดยมีการปรับ เปลี่ยนในส่วนของอุปกรณ์ที่ใช้ในการ Mixing&Mastering กันแบบเรียกว่าตรงจุดจริงๆ เริ่มกันเลยที่ตัวแรกครับ
Ableton Live10 Utility
Utility ฟังชั่น Gain สามารถเลือกความดังต่ำสุด เป็นไม่มีเสียงได้แล้วนะครับใครที่ชอบเขียน Automation ที่ Volume Fader แล้วมีปัญหาตอนที่จะมิกส์ จากที่เคยใช้ Utility แบบทดแทน งานนี้สลับได้จริงและ จะเขียน Automation Volume บนนี้ก็ได้เลย
ฟังชั่น Bass Mono เรียกว่าพีคเลย ที่เราสามารถเลือกเฉพาะบ้างย่านเสียงตั้งแต่ 50-500Hz ลงไปให้เป็น Monoซาวย์ได้ทันที เพียงกดปุ่มเดียว แล้วเลือกย่านที่ต้องการให้เล่นเป็น Mono ลงไปได้เลย
Ableton Live10 EQ8
EQ8 ไม่มีอะไรมากแต่สามารถเลือกย่านต่ำสุดได้ 10Hz แล้ว ใครอยากปั่นเสียง Sub ก็จัดได้เลย
Pan ในส่วนตัว PAN Mode ในส่วน Mixer นั้นจะสามารถเลือก ปรับแยกซ้ายขวาได้แล้วนะครับ อันนี้สุดจริง โดย คลิ๊กขวาที่ปุ่ม PAN จากนั้นจะมีให้เลือก 2ตัว โดยแบบใหม่คือ Splite Streo Pan Mode (แยกปรับ ซ้ายขวา) กับ Streo Pan Mode แบบปรกติ
Ableton Live10 Export Function
Export FLAC&Mp3 และแล้วความสะดวกก็บังเกิด เวลาส่งเดโม่จะได้ไม่ต้องมาแปลงไฟล์ MP3ซักทีครับ พร้อมคุณภาพเสียงที่คมชัดที่สุดของ MP3 ที่สำคัญ Export เป็น FLAC ได้แล้วด้วยนะครับ ที่ชอบที่สุดในการ Export เห็นจะเป็น แม้จะเลือก Export WAV พร้อมกับ MP3 Ableton Live จะทำการ Render ไฟล์และ Export Audio ครั้งเดียวแต่ได้ 2ไฟล์เลย สะดวกมากๆ
Ableton Live10 Build in Max for Live
Max for Live ตัดปัญหาความวุ่นวายและการเปิดสองโปรแกรมให้ทำงานพร้อมกันระหว่าง Ableton Live และ Max for Live นั้นหมายความว่าเราไม่ต้องดาวย์โหลด Max for Live แยกแล้ว เพราะมันถูกติดตั้งมากับ Ableton Live10เลย เพราะฉะนั้นเวลาที่เราเปิดใช้งาน Max Instrument, Max Audio Effectและ Max MIDI Effect คอมจะไม่เปิดโปรแกรม Max for Live ขึ้นมาด้วยให้หนักเครื่อง แต่จะทำการเปิดต่อเมื่อเราจะทำการ ปรับแต่งอุปกรณ์หลังบ้านใน Max for Liveเท่านั้น โดยในที่นี่ยังแถมอุปกรณ์ใหม่ล่าสุดบน Max for Liveมาให้เล่นกันอีกด้วย ทั้งตัวชุด DS10 Drum Synthesizer, LFO, Envelope, Shaper ที่สำคัญทำให้การโหลดใช้งานอุปกรณ์ Max for Liveนั้น สูญเสียการใช้งานและการโหลดเหมือนอุปกรณ์ทั่วไปที่ติดมาบน Live Core Libraly ของ Ableton Liveเลย แถมตัวใหม่ๆยังดีไซน์เหมือนอุปกรณ์ปรกติบน Ableton Live อีกด้วย
และทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของ ความสามารถของ Ableton Live10 เท่านั้น อย่าลืมว่านี้คือเพียงเวอร์ชั่นแรกของ Ableton Live10 ซึ่งใครเคยใช้ Ableton Live9 มาก่อนจะรู้ว่า Ableton มักจะออกอัพเดทฟังชั่นใหม่ๆมาให้เราเล่นกันเรื่อยอยู่แล้ว ยังไงเตรียมตัวหามาลองใช้กันนะครับ
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม วันนี้ขอลากันไปก่อนครับ คราวหน้าเดี๋ยวพาไปดูในส่วนอื่นๆกันบ้าง
21/1/2018
Tossawat Chotivong
Ableton Certified Trainer